เที่ยวลำปางอย่างสุข!!! สไตล์ “Slow life” ที่ “เมืองปาน” แม่แจ๋ม – แจ้ซ้อน – ป่าเหมี้ยง

แม้ช่วงนี้อากาศจะอุ่นขึ้นมาแล้ว แต่ภาคเหนือของไทยก็ยังคงน่าเที่ยวไม่เสื่อม แถมทั้งในบางพื้นที่ที่เป็นเทือกดอย อยู่กลางหุบเขา อากาศก็ยังคงความเย็นอยู่ เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาเที่ยวนอนเล่นในวันหยุด ซึ่งวันนี้จะพาคุณๆมาเที่ยว “อำเภอเมืองปาน” จังหวัดลำปางกัน โดยเมืองปานมีอะไรดีนั้น เรามาเที่ยวหาคำตอบด้วยกันครับ!!!

มาเมืองปานแล้ว 3 สถานที่ที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวก็ได้แก่ บ้านแม่แจ๋ม อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และบ้านป่าเหมี้ยง ซึ่งทั้ง 3 แห่งนี้ จะทำให้ชีวิตของคุณเป็นชีวิตแบบ “Slow life” จนประทับใจมิรู้ลืม

“หมู่บ้านแม่แจ๋ม” เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวแห่งใหม่ของลำปาง ในหมู่บ้านมีอัตลักษณ์ที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องของความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ วิถีชีวิตของผู้คน และศิลปะวัฒนธรรม พร้อมกันนี้หมู่บ้านแห่งนี้ยังถือเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย โดยมีผลผลิตทางการเกษตรที่โดดเด่นมากมาย อาทิ “กาแฟ” เป็นกาแฟชั้นดีที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดกาแฟระดับโลกมาแล้ว ไร่กาแฟตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลพอสมควร ล้อมรอบไปด้วยป่าเขา ทำให้กาแฟของที่นี่มีรสชาติเข้มข้นและหอมหวานกว่าที่อื่นๆ และ “แมคคาเดเมีย” ราชาแห่งถั่ว ธัญพืชเพื่อสุขภาพ แหล่งโปรตีนชั้นดีที่เปี่ยมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และช่วยลดคอเลสเตอรอล สร้างคุณประโยชน์มากมายให้แก่ร่างกาย ที่ทาง “ไร่สุวรรณ” เขามีให้ลิ้มรสมากมาย ในหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น

ซึ่งที่ “ไร่สุวรรณ” แห่งนี้ นอกจากจะมี “แมคคาเดเมีย” ให้ลิ้มรสกันแล้ว ที่นี่ยังมีของดีอีกมากมายให้สัมผัสกันอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านพัก ซึ่งหากได้แวะมาพักที่นี่สักคืนแล้ว รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องชอบ ชอบด้วยอัธยาศัยไมตรีของเจ้าของไร่ และอากาศที่เย็นสบายสไตล์แม่แจ๋ม พร้อมด้วยหากสบโอกาสแวะมาพักที่นี่และมาเที่ยวแม่แจ๋มในช่วงเดือนธันวาคมหรือมกราคมของทุกปี หรือในช่วงที่ “ซากุระเมืองไทย” หรือ “นางพญาเสือโคร่ง” บาน ท่านก็จะได้สัมผัสความงามนี้ และหากตื่นขึ้นมาเช้าๆ ท่านก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่หาไม่ได้ที่ไหน กับการ “ใส่บาตร” พระสงฆ์ใต้ต้นนางพญาเสือโคร่ง ที่พลิดอกบานสะพรั่ง อวดสีชมพูสวยสดใสเต็มต้น

พร้อมกันนี้หากท่านอยากเที่ยวชมวัด ณ บ้านแม่แจ๋ม ต้องมาไหว้พระยัง “วัดเวียงหวาย” นมัสการพระพุทธชินราช วัดเวียงหวาย พร้อมชมทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่ง วัดสุนทราวาส หรือ วัดเวียงหวาย สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2450 ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ศิลปะแบบไทใหญ่

อิ่มเอมกับบรรยากาศของ บ้านแม่แจ๋ม กันไปแล้ว ขับรถต่อมาอีกนิด มาสัมผัสไออุ่น กินไข่ออนเซ็น กัน ณ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ลำปาง ซึ่งอุทยานแห่งนี้มีธารน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยโขดหินธรรมชาติ ที่สวยงาม แทรกอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำร้อน น้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิสูง ถึง 70 – 80 องศาเซลเซียส สามารถแช่ไข่ให้สุกได้ภายใน 15 นาที และที่สำคัญไข่จะมีลักษณะ “ไข่แดงสุกไข่ขาวสุกไม่แข็ง” จะ เหมือนมะพร้าวอ่อน เมื่อนำมาปรุงเป็น “ยำไข่แช่น้ำแร่” ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่จะอร่อยยิ่งนัก

ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ “บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน” แหล่งน้ำพุร้อนที่มีสภาพการเกิดทางธรณีวิทยา มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ จำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่รวมกันภายในพื้นที่มีโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และมีไอน้ำลอยกรุ่นขึ้นมาจากบ่อปกคลุมรอบบริเวณน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียส เป็นที่นิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามา แช่ , “น้ำตกแจ้ซ้อน” น้ำตกที่กำเนิดจากลำน้ำแม่มอญ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีแอ่งน้ำรองรับอยู่ตลอดสาย ไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ มี 6 ชั้น , “แอ่งน้ำอุ่น” ตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำพุร้อน เป็นแอ่งน้ำที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อน ทำให้เกิดเป็นน้ำอุ่น ที่มีอุณหภูมิเหมาะแก่การแช่อาบ และ “ห้องอาบน้ำแร่” มีทั้งห้องอาบแช่ สำหรับ 3-4 คน ห้องรวมแบบตักอาบและบ่อสำหรับแช่อาบกลางแจ้ง น้ำแร่ที่ใช้ต่อท่อโดยตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน สามารถใช้แช่อาบได้ โดยประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ คือ ช่วยบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย ช่วยให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ และยังช่วยบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับกระดูก แต่น้ำแร่จากที่นี่ไม่สามารถใช้ดื่มได้ เพราะมีแร่ธาตุบางชนิดสูงกว่ามาตรฐาน

เรียกได้ว่ามาเที่ยวที่นี่ได้ทั้ง กิน(ไข่) แช่ และอาบน้ำแร่ รับสุขภาพที่ดีไปเต็มๆ ซึ่ง อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ได้รับรางวัล “อุทยานแห่งชาติดีเด่นประจำปี 2543” ตามที่กรมป่าไม้ได้จัดงานวัน สถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 104 ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2543 โดยได้จัดประกวดอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2543 พร้อมกันนี้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นอกจากจะได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Awards) ปี 2543 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดเยี่ยม ในด้านการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกในอุทยานฯ ได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติแล้ว สภาพแวดล้อมภายในอุทยานฯ ยังตกแต่งได้อย่างสวยงามไม่แพ้รีสอร์ทเอกชน เหมาะสำหรับผู้ที่จะไปเที่ยวแบบครอบครัว สามารถเที่ยวได้ตลอดปี

มาต่อกันอีกที่กับ “บ้านป่าเหมี้ยง” หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซุกตัวอยู่หลังทิวเขา ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเก็บใบชาป่า ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นของกินเล่นของคนภาคเหนือที่เรียกว่า “เมี่ยง” หรือ “เหมี้ยง” จนกลายมาเป็นชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านป่าเหมี้ยง”

บ้านป่าเหมี้ยงแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ผืนป่ารอบบ้านป่าเหมี้ยงจัดเป็นป่าต้นน้ำระดับ 1-A ของแม่น้ำวัง ซึ่งได้รับการอนุรักษ์จากชาวบ้านในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพราะการทำเหมี้ยงนั้นต้องอาศัยร่มไม้ใหญ่ค่อนข้างหนาทึบในป่าดิบเขา ที่ความสูงระดับ 900-1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล และระบบรากของเหมี้ยงต้องรับอาหารและแร่ธาตุผ่านเชื้อราชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงระบบรากของต้นไม้ในป่า ดังนั้นการที่ชาวบ้านดูแลรักษาป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ก็เท่ากับเป็นการทำนุบำรุงแหล่งผลิตรายได้ของชุมชนไปด้วย

เมื่อมาถึงบ้านป่าเหมี้ยง กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทุกท่านไม่ควรพลาดก็คือ การชมเก็บเมี่ยง ที่ผู้เก็บต้องมีอุปกรณ์อย่าง “ส่า” หรือตะกร้าสำหรับใส่ใบเมี่ยงสะพายอยู่บนบ่า มีตอกเส้นบางๆเอาไว้มัดเมี่ยง มีดพร้าสำหรับฟันวัชพืช และ “ปอก” ซึ่งทำจากแผ่นสังกะสีม้วนคล้ายแหวนใส่ที่ปลายนิ้ว ที่ปลายติดใบมีดโกนไว้ใช้เก็บใบเมี่ยง รวมทั้ง “ขอ” เชือกยาวที่ปลายเชือกติดตะขอไม้ใช้โน้มต้นที่สูงให้ต่ำลงมาเพื่อจะได้เก็บง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังต้องชมกรรมวิธีคั่วชาที่ใช้มือเปล่าๆ การทำหมอนใบชาดับกลิ่น กรรมวิธีการทำกาแฟ พร้อมทั้งเดินเที่ยวชมหมู่บ้าน ที่เป็นหมู่บ้านอันเงียบสงบในแบบฉบับที่ “ชาว Slow life” ถวิลหา โดยในหมู่บ้านมีร้านขายของชำ ร้านขายเมี่ยง สะพานดอกเสี้ยว สตรีทอาร์ต และวัดวาอารามให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกัน และหากเที่ยวที่นี่จนติดใจ อยากพักค้างอ้างแรมที่นี่สักคืน บ้านป่าเหมี้ยงก็มีโฮมสเตย์ให้พัก ซึ่งมีให้เลือกหลากรูปแบบหลายเจ้า แต่ไม่ว่าจะพักที่ไหนแบบใด ท่านก็จะได้สัมผัสวิถีความเป็นชาวบ้านป่าเหมี้ยงอย่างแท้จริง พร้อมได้กินอาหารพื้นถิ่นกันจนพุงกาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูขึ้นชื่อ อย่าง “ยำใบเมี่ยง”

และที่เด็ดสุดๆในการมาเที่ยวบ้านป่าเหมี้ยงนี้ ก็คือ “เทศกาลดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง” ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลำปาง ขอเชิญชวนทุกท่านมายลโฉมความสวยงามของดอกเสี้ยวที่บานสะพรั่งทั่วทั้งเขา สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ในงาน “เทศกาลดอกเสี้ยวบาน ป่าเหมี้ยง ครั้งที่ 19 ประจำปี 2563” ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2563 โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่บ้านชาญชัย 084-8949122 และประธานกลุ่มโฮมสเตย์บ้านป่าเหมี้ยง 085-7067539

งานนี้หากอยากเที่ยว “ลำปาง” ในสไตล์ Slow life กับ แม่แจ๋ม แจ้ซ้อน และป่าเหมี้ยง ก็แวะมากันได้ มาแล้วทุกท่านจะเต็มไปด้วยความสุขจนมิรู้ลืม โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางและลำพูนได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง https://www.facebook.com/lampang.tourism/ โทรศัพท์ 054-222214 และ www.instagram.com/tatlampang

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *