เส้นทาง 106 เส้นทางแห่งศรัทธา “3 ครูบา” เมืองหละปูน

สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเลือนหายไปจากคนลำพูน คือ “ความศรัทธา” ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและนักบุญที่สั่งสมมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 ครูบา ครูบาเจ้าศรีวิชัย ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี และครูบาชัยยะวงศาพัฒนา พระผู้ยิ่งใหญ่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ที่มีศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพและมากด้วยพลังศรัทธา ซึ่งหากวันไหนๆพุทธศาสนิกชนอยากมากราบสักการะสรีระสังขารและเจริญรอยตามเส้นทางบุญของ 3 ครูบาสักครั้ง ก็สามารถขับรถมุ่งตรงมาได้ตาม “เส้นทางแห่งศรัทธา 3 ครูบา เมืองหละปูน”

เส้นทางนี้ เป็นทางหลวงหมายเลข 106 ลำพูน-ป่าซาง-บ้านโฮ่ง-ลี้ และยังสามารถมุ่งหน้าไปต่อที่ “อำเภอเถิน” จังหวัดลำปางได้อีกด้วย เส้นทางนี้ในอดีตเคยเป็นเส้นทางสัญจรหลักของผู้คนในการมุ่งสู่ภาคกลาง ก่อนที่จะมีเส้นทางถนนพหลโยธินทางหลวงหมายเลข 1 ในปัจจุบัน โดยในเส้นทาง 106 เส้นทางแห่งศรัทธา 3 ครูบาฯนี้ ขอนำเสนอครูบาองค์แรก คือ “ครูบาเจ้าศรีวิชัย”

“ครูบาเจ้าศรีวิชัย” ท่านถือกำเนิดที่ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ได้ก่อสร้างและบูรณะปฏิสังขรวัดวาอารามในล้านนามากมาย อาทิ ก่อสร้างพระธาตุบ้านปาง พระธาตุแม่ตืน สร้างประตูเมืองลี้ สร้างวิหารวัดพระสิงห์ บูรณะหอธรรมวัดพระสิงห์ สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ สร้างวิหารวัดพระนอนขอนม่วง จังหวัดเชียงใหม่ บูรณะพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย สร้างพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ สร้างวิหารหลวง วัดทุ่งเอื้อง จังหวัดพะเยา สร้างวิหารพระแก้วลำปาง วิหารวัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปาง และอีกมากในพื้นที่ภาคเหนือ

ความมีชื่อเสียง ความสำเร็จผลในด้านการเป็นพระนักพัฒนาดูเหมือนว่าการบำเพ็ญบารมีธรรมในชีวิตของครูบาศรีวิชัยจะก้าวไปพร้อมกันกับอุปสรรคแสนเข็ญ ด้วยคณะสงฆ์ผู้ใหญ่ในล้านนาไม่พอใจในตัวท่าน จนถึงขนาดมีการกล่าวหาเอาผิดท่านถึง 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่าท่านทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจองจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตั้งกรรมการชำระคดีครูบาศรีวิชัย ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด และส่งตัวท่านกลับสุ่มาตุภูมิ

คนทั่วไปรู้จักครูบาเจ้าศรีวิชัยว่าสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุข้างบนดอย ยิ่งเห็นรูปปั้นท่านตรงเชิงดอย ก็เลยสรุปเป็นความเข้าใจเอาเองว่า ท่านเป็นคนเชียงใหม่ อยู่เชียงใหม่ หารู้ไม่ว่า อธิกรณ์ครั้งที่ 6 ถูกสอบสวนที่เชียงใหม่แล้ว ยังถูกนำตัวไปวินิจฉัยโทษในกรุงเทพฯ นานถึง 6 เดือนกว่า ณ จุดนี้…..นำไปสู่ “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” ต้องลั่นวาจา ประหนึ่งกรวดน้ำคว่ำขันกับเมืองเชียงใหม่ว่า “ตราบใดที่น้ำปิงไม่ไหลย้อนกลับ จะไม่ขอไปเหยียบนครเชียงใหม่” เหตุเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในเชียงใหม่ยามที่เดือดร้อน เมื่อลั่นวาจา ครูบาเจ้าศรีวิชัยก็กลับถิ่นบ้านเกิด คือ ลำพูน ไปจำพรรษาวัดบ้านปาง ที่อำเภอลี้ และไม่กลับไปเหยียบเชียงใหม่อีกเลย แม้จะมีการอ้อนวอนกันขนาดไหนท่านก็ไม่กลับ ตราบมรณภาพ ใน พ.ศ.2481 สำหรับรูปปั้นองค์ท่านประดิษฐานตรงทางขึ้นดอยสุเทพ เล่ากันว่าเนื่องจากมีการปิดกั้นน้ำในเขื่อนภูมิพลส่งผลให้แม่น้ำปิงไหลย้อนขึ้นเชียงใหม่ ศิษยานุศิษย์จึงสามารถเคลื่อนย้ายไปตั้งได้ทั้งๆที่ก่อนหน้าพยายามเคลื่อนย้ายแต่ไม่เป็นผล จะเกิดเหตุเพศภัยทุกครั้งไป

วัดในเส้นทาง 106 ที่เกี่ยวข้องกับ “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” อันได้แก่ “วัดบ้านปาง” นี้ เป็นวัดในบ้านเกิดของท่าน เป็นวัดที่ครูบาศรีวิชัยบวชเรียนเป็นวัดแรกและยังเป็นสถานที่ดับขันธ์มรณภาพของท่าน ในบริเวณวัดมีความร่มรื่น เมื่ออยู่ด้านบนก็จะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามเนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเนินเขา มีโบราณสถานอันเก่าแก่เมื่อครั้งสมัยที่ครูบาศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ คือ พระวิหารหลวง ที่สร้างขึ้นตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมล้านนา ลักษณะอ่อนช้อยสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง มีโบสถ์วิหารที่สวยงาม รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารครูบาศรีวิชัย ซึ่งเก็บของใช้ส่วนตัวของท่านไว้อย่างครบถ้วน

ครูบาองค์ที่สอง คือ “ครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี” ศิษย์เอกของครูบาเจ้าศรีวิชัยแห่งวัดพระพุทธบาทผาหนาม ครูบาผู้มีจริยวัตรที่งดงาม ผู้สืบต่อสานงานพัฒนาจากครูบาเจ้าศรีวิชัยในฐานะนักบุญ ครูบาผู้ทรงความงดงามในศีล บารมี ไม่แพ้ท่านอาจารย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย นอกจากนี้ท่านยังได้บูรณะปฏิสังขรวัดวาอารามและสถานที่สำคัญๆมากมาย อาทิ วัดพระพุทธบาทผาหนาม โรงเรียนบ้านสามหลัง (อภิชัยบูรณะ) อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลอีกมากมาย นอกจากสถานที่ที่ท่านได้บูรณะแล้ว ท่านยังคงสร้างสรรค์งานต่างๆในรูปถาวรวัตถุ ทั้งในด้านพุทธจักร และอาณาจักรไว้อย่างมากมายเหลือคณา นอกจากนี้ท่านยังได้เผยแพร่ธรรมะอันเป็นคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา สร้างความเชื่อมใสศรัทธาให้เกิดแก่ชาวกระเหรี่ยง ที่อพยพมาอยู่ตามเชิงดอยผาหนาม จนสามารถเปลี่ยนความเชื่อจารีตประเพณีของชาวกระเหรี่ยงที่นับถือผีไหว้เจ้า ให้หันมาเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหันมากินมังสวิรัติแทนเนื้อสัตว์

โดยปัจจุบันสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของครูบาเจ้าอภิชัยขาวปีได้รับการบรรจุไว้ในโลงแก้ว ณ “วัดพระพุทธบาทผาหนาม” หนึ่งในปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งของอำเภอลี้ ภายในวัดมีสองจุดให้ได้ชมคือ ตัววัดที่ตั้งอยู่ด้านล่าง จะมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของครูบาอภิชัยขาวปีเป็นจุดเด่น และหอปราสาทรักษาศพ ซึ่งในทุกวันที่ 3 ของเดือนมีนาคมของทุกปี จะมีประเพณีเปลี่ยนผ้าครองสรีระครูบาอภิชัยขาวปี มีศิษยานุศิษย์หลั่งไหลมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ส่วนอีกจุดคือ องค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนยอดดอย 2 องค์ “พระธาตุทอง และพระธาตุขาว โดยมีสะพานไว้สำหรับเดินเชื่อมถึงกัน นอกจากจะได้กราบไหว้พระธาตุแล้ว หากท่านใดที่เดินทางขึ้นไปบนพระธาตุช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า จะได้เห็นกับทะเลหมอกและสามารถชมวิวทิวทัศน์ของอำเภอลี้ได้แบบ 360 องศาอีกด้วย

และครูบาองค์ที่สาม คือ “ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา” แห่งวัดพระบาทห้วยต้ม ครูบานักพัฒนา โดยเส้นทางการพัฒนาของท่านเป็นเส้นทางที่ลึกซึ้งไปกว่าที่สายตาคนทั่วไปมองเห็น ท่านได้ธุดงค์ไปทั่วประเทศ ด้วยวัตรปฏิบัติและคำสั่งสอนของท่านทำให้ชาวไทยภูเขาที่พเนจรร่อนเร่ ตั้งใจอพยพครอบครัวมาตั้งหลักแหล่งอยู่ใกล้ๆกับท่าน ท่านได้เปลี่ยนคนที่นับถือผีให้กลายเป็นพุทธศาสนิกชนที่สมบูรณ์ และได้เปลี่ยนคนที่กินเนื้อสัตว์แทบทุกชนิด มาเป็นคนที่กินมังสวิรัติ ที่ “บ้านพระบาทห้วยต้ม” พัฒนาชาวเขาที่ด้อยความรู้ที่ไร้ฝีมือ ให้ช่วยสร้างโบสถ์สร้างศาลาสอนวิชาช่างให้แก่ชาวเขาเหล่านั้นจนเป็นความรู้ที่ส่งผ่านความรู้เหล่านั้นสู่ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน

“วัดพระบาทห้วยต้ม” อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นอกจากจะเป็นวัดที่ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา จำพรรษาขณะมีชีวิตอยู่แล้ว ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาสรีระสังขารของท่านด้วย โดยวัดแห่งนี้เป็นวัดประจำหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม ทุกๆเช้าชาวบ้านชาวปกาเกอะญอจะไปทำบุญใส่บาตรกันที่วัดนี้ อาหารที่ถวาย คือ ผักสด น้ำพริก และข้าว สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อของใส่บาตรจากตลาดภายในหมู่บ้าน ซึ่งถ้าหากมาท่องเที่ยวที่ชุมชนพระบาทห้วยต้มในช่วงวันพระ ก็จะพบพี่น้องชาวปกาเกอะญอ พร้อมลูกหลานแต่งตัวด้วยชุดชาติพันธุ์สีสันสวยงาม พากันมาที่วัด และมีการจัดลำดับการตักบาตรโดยเริ่มจากผู้ชาย ผู้หญิงที่มีครอบครัวและสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานตามลำดับ ซึ่งถือเป็นภาพที่หาดูไม่ได้อีกแล้ว เพราะชาวบ้านทุกคนจะมารวมตัวกันที่วัดเพื่อทำสังฆทาน ทำวัตร สวดมนต์ ทำให้สามารถซึมซับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวพระบาทห้วยต้มได้อย่างท่องแท้

นอกจากนี้ในบริเวณชุมชนพระบาทห้วยต้มยังมี “พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย” ที่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาได้จัดสร้างขึ้นอีกด้วย โดยเป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมล้านนา สร้างด้วยศิลาแลงทั้งองค์ ที่ขุดจากบ่อศิลาแลงด้านหลังของวัด นับว่าพระมหาธาตุเจดีย์ศิลาแลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีสีทองเหลืองอร่าม โดดเด่นเห็นแต่ไกล เป็นเจดีย์ที่ชาวปกาเกอะญอให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยเมื่อก่อนชาวปกาเกอะญอที่อาศัยในชุมชนห้วยต้มจะต้องเดินทางไปนมัสการเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่า แต่ด้วยชาวปกาเกอะญอบางคนมีเงินน้อย ไม่สามารถเดินทางไปพม่าได้ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา จึงจัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยขึ้น โดยจำลองเจดีย์ชเวดากองของประเทศพม่า เพื่อให้เป็นพุทธเจดีย์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ให้ชาวปกาเกอะญอและพุทธศาสนิกชนทั่วไปมากราบไหว้บูชา

นอกจาก 3 วัดสำคัญข้างต้นที่มีความเกี่ยวข้องกับ 3 ครูบาเมืองหละปูนแล้ว ในเส้นทางนี้ยังมี “วัดพระพุทธบาทตากผ้า” ที่น่าสนใจอีกด้วย เป็นวัดที่มีรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าที่มาประทับไว้ตรงบริเวณที่นำผ้าจีวรมาตาก มีรอยตารางบนผาหินที่เชื่อว่าคือรอยตากผ้าจีวรพระพุทธเจ้า โดยตำนานเล่าว่า ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ หลังจาริกและประทับพระบาทในที่ต่างๆ แล้ว เมื่อเสด็จมาถึงบนลานผาลาด (คือบริเวณที่ตั้งวัดพระพุทธบาทตากผ้าปัจจุบัน) สถานที่ที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยจะประดิษฐานปาทเจดีย์ จึงทรงหยุดพักผ่อนแล้วให้พระอานนท์นำเอาจีวรไปตากบนผาลาดใกล้กับที่ประทับ หลังจากนั้นทรงอธิษฐานเหยียบพระบาทประดิษฐานรอยไว้บนผาลาดนี้ และตรัสทำนายว่าสถานที่แห่งนี้จะปรากฏชื่อว่า “พระพุทธบาทตากผ้า” ซึ่งภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานในวิหารจตุรมุขให้สักการะ พร้อมทั้งบนดอยด้านหลังวัดยังมี พระธาตุ 4 ครูบา ให้ขึ้นไปสักการะอีกด้วย โดยจะเดินขึ้นทางบันไดนาคหรือขับรถขึ้นไปก็ได้ตามสะดวก

บนเส้นทางแห่งศรัทธา 3 ครูบา เมืองหละปูน นี้ ใช่ว่าท่านที่มาเที่ยวจะได้ไหว้พระ ทำบุญ ขอพร เท่านั้น ยังได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่รอการมาเยือนและมีความสวยงามอีกมากมายอีกด้วย อาทิ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดลำพูน ซึ่งอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทั้งปี โดยในช่วงฤดูฝน อากาศจะเย็นสบาย สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ของพืชไม้นานาพันธุ์ อีกทั้งยังสามารถชื่นชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงได้อีกมาก เหมาะสำหรับคนที่รักความสงบ ต้องการผ่อนคลาย และชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกก้อหลวง , น้ำตกก้อน้อย , แก่งก้อ และจุดชมวิวผาแดงหลวง โดย “แก่งก้อ” นี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ “คิดถึงวิทยา” ด้วยการหยิบยกเอาเรื่องราวชีวิตจริงของคุณครูผู้เสียสละกับนักเรียนด้อยโอกาสแห่งโรงเรียนแพกลางน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล (โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพ) อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มานำเสนอ

ด้วยเรื่องราวมากมายและสถานที่ท่องเที่ยวเพียบพร้อมเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เส้นทางหมายเลข 106″…เส้นทางแห่งศรัทธา “3 ครูบา” เมืองหละปูน…นี้ เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนลำพูน

แล้วจะรออะไรอยู่ครับ เตรียมตัวเตรียมรถให้พร้อม แล้วขับมาเที่ยวกัน ไม่ว่าจะเที่ยววันธรรมดาหรือเที่ยววันหยุดก็ดีทั้งนั้น!!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *