“พระเจ้าทันใจ” วัดศรีชุม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมใจชาวดอกคำใต้

“วัดศรีชุม” บ้านศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เดิมมีชื่อว่า “วัดก้างหงส์ดอนไจย” มี “พระเจ้าทันใจ” ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านประดิษฐานอยู่ โดยพระพุทธรูปองค์นี้เป็นโบราณวัตถุอันล้ำค่าที่ได้หล่อขึ้นด้วยศรัทธาอันแรงกล้าของสาธุชน ครั้งหนึ่งเคยหายไปจากวัดเป็นเวลากว่า 100 ปี แต่ปัจจุบันได้กลับมาประดิษฐาน ณ พุทธสถานเดิม เป็นศูนย์รวมใจชาวดอกคำใต้ดังเดิม

“พระเจ้าทันใจ” วัดศรีชุมหรือวัดก้างหงส์ดอนไจย เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ สกุลช่างหลวงเมืองพะเยา ศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ปางขัดสมาธิเพชร ประทับบนแท่นบัวสองชั้น เป็นเอกลักษณ์ของสกุลช่วงหลวงเมืองพะเยา หน้าตักกว้าง 25 นิ้ว ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แค่คาดว่าสร้างขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรล้านนา อายุราว 700 – 800 ปี เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะสงบ สง่างาม อลังการทุกสัดส่วน มีพระพักตร์ผ่องใส พระเนตรสะท้อนประกายความอ่อนโยนด้วยพระมหากรุณาธิคุณ

ซึ่ง “พระเจ้าทันใจ” นี้ นิยมสร้างในอาณาจักรล้านนา ด้วยกรรมวิธีในการสร้างที่ต้องอาศัยช่างมากฝีมือและมีความชำนาญสูง มีพิธีกรรมทางศาสนาอย่างสมบูรณ์แบบ ศรัทธาสาธุชนจะมาร่วมบริจาคแก้วแหวนเงินทอง เพื่อหล่อพระพุทธรูปและร่วมอนุโมทนาให้ทุกขั้นตอนของการสร้างให้สำเร็จลุล่วงภายในวันเดียว พร้อมพิธีมหาพุทธาภิเษกพระเนตร นับว่าเป็นงานที่ยิ่งด้วยบุญบารมี จึงจะสามารถทำสำเร็จได้ พระพุทธรูปที่สร้างจึงได้ชื่อว่า “พระเจ้าทันใจ”

หรืออีกนัยหนึ่งของ “พระเจ้าทันใจ” คือ เพื่อสะท้อนให้เห็นภาพการตรัสรู้อย่างฉับพลัน ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงทำลายหมอกม่านแห่งอวิชชา ได้หลุดพ้นจากบ่วงแห่งมารด้วยประการทั้งปวง ทรงได้บรรลุถึงเป้าหมายอันสูงสุด คือการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ประเสรฺิฐ เป็นพระพุทธเจ้าได้ทันใจในรุ่งอรุณวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ดังนั้นจึงถือนิมิตหมายแห่งความสำเร็จโดยฉับพลันของพระพุทธเจ้านี้ เป็นคำนิยมที่ปลูกฝังการสร้างพระเจ้าทันใจกันมาแต่โบราณกาล

“พระเจ้าทันใจ” วัดศรีชุม มีความเชื่อกันมาแต่โบราณว่า เมื่อได้มากราบไหว้จะช่วยเหลือปลดเปลื้องอุปสรรคปัญหาให้หมดสิ้นไป สมดั่งความตั้งจิตอธิษฐานทุกคราวไป จนเป็นที่ร่ำลือถึงพุทธานุภาพ เกิดความเคารพเลื่อมใสศรัทธา เป็นที่โจษขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าทันใจ ถึงขนาดให้ความสำคัญว่า พระเจ้าทันใจองค์นี้สามารถดลบันดาลในจิตอธิษฐานที่ขอพรสัมฤทธิ์ผล เกิดความรุ่งเรืองได้ตามความปรารถนา และเมื่อใดธรรมชาติฟ้าฝนแห้งแล้ง ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ผู้คนในอดีตจะพากันจัดเครื่องสักการะบูชาไปขอพร โดยนำ “ใบน้ำหนอง” ใส่ในใต้ฐานองค์พระเจ้าทันใจ แล้วพากันตั้งสัจจะอธิษฐานขอน้ำฟ้าน้ำฝน ก็จะได้รับสายฝนโปรยปราย ทำการเกษตรได้ดี และหากปีไหนฝนตกหนักจนน้ำท่วมทุ่งนาเสียหาย ชาวบ้านก็จะแต่งเครื่องสักการะไปนมัสการกราบไหว้ แล้วเอา “ใบลมแล้ง” (ต้นคูน) ใส่ไว้ใต้ฐานองค์พระเจ้าทันใจ ขอพรอย่าให้ฝนตกมากเกินไป ก็ได้เห็นประจักษ์สัมฤทธิ์ผลทุกคราไป

เรื่องราวของ “พระเจ้าทันใจ” วัดศรีชุม เมื่อมาถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคแห่งข้าวยากหมากแพง วัดถูกทิ้งร้าง ไร้คนดูแล พระเจ้าทันใจได้หายไปจากวัด จนกระทั้งปี พ.ศ.2554 ลูกหลานชาวบ้านศรีชุมได้พยายามรื้อฟื้นสืบเสาะหาพระเจ้าทันใจกลับคืนมา ในขั้นแรกก็ได้สร้างพระเจ้าทันใจองค์จำลองขึ้นมาแทน เป็นการรำลึกถึงองค์จริงที่สูญหายไป โดย นายจีรเดช ศรีวิราช นายกเทศมนตรีเมืองดอกคำใต้ ได้รู้จักกับ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย และพิศาล เตชะวิภาค (หรือต้อย เมืองนนท์) อุปนายกสมาคม ซึ่งอยู่ในวงการพระเครื่อง พระบูชา ได้ปรึกษากันถึงพระเจ้าทันใจของวัดที่สูญหายไปกว่า 100 ปี จนสามารถสืบทราบว่าอยู่ในการครอบครองของคหบดีผู้ใจบุญท่านหนึ่ง จึงได้ขออนุญาตตรวจสอบถึงพุทธศิลป์ จนได้ประจักษ์ต้องตามพุทธลักษณะของพระเจ้าทันใจ ดังที่กล่าวมาข้างต้นทุกประการ คหบดีผู้ใจบุญท่านนี้เกิดกุศลจิตศรัทธาอันแรงกล้าจึงได้มอบคืน “พระเจ้าทันใจ” โบราณวัตถุอันล้ำค่ายิ่งคืนสู่พุทธสถานเดิมในวันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2554 ซึ่งทางวัดศรีชุมได้จัดขบวนพิธีอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *