อยากเที่ยวต่างประเทศ แต่ไปไม่ได้ มาเที่ยว “อุทยานหลวง” เที่ยวที่เดียวเหมือนได้เที่ยว 22 ประเทศ

อยากจะไปเที่ยวต่างประเทศแทบขาดใจแค่ไหนก็ไปไม่ได้ เนื่องด้วยสถานการณ์มันบังคับ จะเที่ยวได้ก็ไทยเที่ยวไทยนี่แหละ แต่ก็พอมีที่หนึ่งที่พอจะแก้ขัด ให้คุณๆได้หายคิดถึงต่างประเทศกันบ้าง ก็ที่ “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่” ที่มี “สวนนานาชาติ” จัดแสดงให้เที่ยวชมกัน

ใน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่” มีสวนนานาชาติที่จัดแสดงสถาปัตยกรรมจากนานาชาติให้เที่ยวชมทั้งหมด 22 ประเทศด้วยกัน อาทิ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ภูฎาน เบลเยี่ยม ตุรกี เนปาล อินเดีย เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย กัมพูชา สเปน มาเลเซีย เวียดนาม และโมรอคโค เป็นต้น โดยในแต่ละสวนจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมตลอดทั้งปี

สวนนานาชาติที่โดดเด่นในอุทยานหลวงฯ ก็มีอาทิ สวนจากประเทศ “ภูฏาน” ที่จัดสร้างขึ้นด้วยการสะท้อนแนวคิด “อยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ” มีการก่อกำแพงหินที่เชื่อมติดกันด้วยดินเหนียว ด้านในประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปที่ชาวภูฏานเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เชื่อว่าหากใครได้สักการะบูชาแล้ว จะได้ทุกอย่างดังปรารถนา นอกจากนี้ ยังจัดแสดงสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งด้วยกัน ได้แก่ นกราเวน (Raven bird) สัญลักษณ์ที่อยู่บนมงกุฎของกษัตริย์ , ดอกป๊อบปี้สีฟ้า (Blue poppy) และทาคิน (Takin) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าประจำชาติ ไว้ด้านใน

สวนจากประเทศ “โมรอคโค” อีกหนึ่งสวนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยการนำเอาวัฒนธรรมแบบฟินีเซียมาใช้ผสมผสานกับสวนสไตล์เมดิเตอเรเนียน ภายในสวนประดับด้วยต้นอินทผลัม ไผ่ดา และกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์

สวนจากประเทศ “ญี่ปุ่น” แบบ “สวนแห่งความโชคดี” มีศูนย์กลางอยู่ที่บ่อน้ำที่แทนความหมายของ “มหาสมุทร” มีศาลาพักผ่อนอะซุมะยะ ภูเขาไฟฟูจิจำลอง และหินญี่ปุ่นแกะสลักข้อความเป็นภาษาญี่ปุ่นคำว่า “รู้จักพอ” ซึ่งตรงกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยแนวคิดนี้ในญี่ปุ่นก็มีวัดโยอินจิที่ถ่ายทอดแนวคิดมาอย่างช้านาน

สวนจากประเทศ “อินเดีย” ที่โดดเด่นด้วยองค์ “พระพิฆเนศ” ซึ่งเป็นโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี ทุกคนเคารพนับถือในฐานะที่ท่านเป็น “วิฆเนศ” คือ เจ้าแห่งอุปสรรค เพราะเจ้าแห่งอุปสรรค สามารถปลดปล่อยอุปสรรคได้ และอีกความหมายหนึ่งก็คือ “เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ” นอกจากนี้ในสวนยังมีดอกสาละให้ชมกันอีกด้วย

และอีกหนึ่งสวนกับสวนจากประเทศ “จีน” ที่จัดสร้างขึ้นตามรูปแบบประเพณีการสร้างสวนที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ จำลองเอาภูเขาและแม่น้ำตามธรรมชาติมาจัดสร้างทิวทัศน์ในรูปแบบผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสถาปัตยกรรม เป็นการจัดสวนตามสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง เพราะแบบสวนในยุคสมัยนั้นรุ่งเรืองที่สุด และศาสนาพุทธมีความรุ่งเรืองเช่นกัน ดังนั้นแบบสวนจึงผสมผสานระหว่างรูปแบบสมัยราชวงศ์ถังและศาสนาพุทธอันเป็นประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างประเทศจีนและศาสนาพุทธ ซึ่งแสดงถึงสัมพันธภาพอันยืนยาวและดีงามระหว่างไทยกับจีน

ทั้งหมดนี้สนใจก็มาเที่ยวกันได้ “อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่” กลับมาเปิดบริการอีกครั้งในแบบ “New Normal” แล้ววันนี้ ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าเป็นต้นไป จนถึง 6 โมงเย็น ในสนนราคาค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท นอกจากจะมีสวนนานาชาติที่มาเที่ยวที่เดียวเหมือนได้เที่ยว 22 ประเทศให้เที่ยวชมแล้วนั้น ในอุทยานหลวงฯยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น สวนไทยและสวนองค์กรต่างๆ โดมไม้เขตร้อน เรือนไม้ดอก สวนเกษตรทฤษฎีใหม่ สวนพืชทะเลทราย และหอคำหลวง เป็นต้น

เรียกได้ว่ามาที่นี่ จ่าย 100 เดียว คุ้มสุดคุ้ม!!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *