ลงเรือชมวิวสองฝั่ง “น้ำกก” ที่ “ท่าตอน”

เป็นที่ชินหูของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมสองฟากฝั่งน้ำกก บ้านท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ที่จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือหางยาวแผดก้องไปทั่วคุ้งน้ำ ซึ่งเรือเหล่านี้เป็นเรือบริการนำนักท่องเที่ยว เที่ยวชมทิวทัศน์และวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำ

แม้ ณ เวลานี้ เสียงนี้จะเบาบางลงไปมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีเสียงให้ได้ยินตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันมืด แต่การล่องเรือน้ำกกก็ยังคงมีเสน่ห์ไม่น้อย มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาใช้บริการกันพอสมควร

วันนี้เราได้มีโอกาสมาเยือนท่าตอนอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่พลาดที่จะนั่งเรือล่องน้ำกก แม้จะเคยนั่งมาแล้วสองสามครั้ง แต่มันต่างกรรมต่างวาระกัน วันเวลาเปลี่ยน บรรยากาศและอารมณ์ก็ย่อมเปลี่ยนตาม

โดยก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ “น้ำกก” กันก่อนจะดีกว่า

“น้ำแม่กก” เป็นแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งในภาคเหนือของไทย มีต้นกำเนิดมาจากทิวเขาแดนลาวและทิวเขาผีปันน้ำทางตอนเหนือของเมืองกก จังหวัดเชียงตุง ภายในอาณาเขตของรัฐชานประเทศเมียนม่า ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่ช่องน้ำแม่กก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ไหลมาเรื่อยๆ จนผ่านตัวอำเภอเมืองเชียงราย หลังจากนั้นก็ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่บริเวณสบกก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีความยาว 285 กิโลเมตร (ในประเทศไทยยาว 130 กิโลเมตร) มีลำน้ำสาขาที่สำคัญได้แก่ น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย

ในการล่องเรือน้ำกกนั้น เรือโดยสารแบบเหมาลำ จะเริ่มออกจากท่าบริเวณเชิงสะพานข้ามน้ำกก บ้านท่าตอน ในเวลา 7 โมงเช้าเป็นเที่ยวแรก และเที่ยวสุดท้ายบ่าย 3 โมง ซึ่งการล่องเรือน้ำกกนั้น มีหลายระยะและหลายราคาให้เลือก ไกลสุดก็ 80 กิโลเมตร กับเวลาราว 3 – 4 ชั่วโมง ที่ไปถึงเชียงรายกันเลยทีเดียว ทั้งยังมีแพบริการแบบค้างคืนอีกด้วย

สำหรับทริปนี้เวลามีค่อนข้างจำกัด จึงล่องระยะสั้นๆเพียง 1 ชั่วโมง พอให้สัมผัสบรรยากาศแบบพอหอมปากหอมคอ โดยเริ่มลงเรือในเที่ยวแรก 7 โมงเช้ากันเลย เมื่อเรือเริ่มเดินเครื่อง ก็มุ่งหน้าทวนกระแสน้ำไปทางทิศตะวันตก ที่สามารถไปถึงชายแดนไทย-เมียนม่าได้ ณ จุดนี้ท่านจะสามารถสัมผัสได้กับบรรยากาศรีสอร์ทริมน้ำต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือริมน้ำของชาวบ้าน ทั้งยังจะได้ชมวิวที่แปลกตาของ “วัดท่าตอน” จากมุมของน้ำกกอีกด้วย

โดย “วัดท่าตอน” เป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม จนมีซินแสบางท่านยกย่องว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ “บนภูเขามังกร” เนื่องด้วย วัดท่าตอนนั้น มีพื้นที่ทอดยาวไปตามไหล่เขาเป็นชั้นๆ รวม 9 ชั้นด้วยกัน ซึ่งแต่ละชั้น ก็จะมีศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ทุกยอด และยอดเขาที่เป็นยอดเขาจุดศูนย์กลางและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดนั้น จะเป็นสถานที่ตั้งและประดิษฐานของ “พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์” หรือ “พระเจดีย์แก้ว”

ล่องเรือทวนน้ำไปได้สักพักก็ได้เวลาย้อนกลับ การย้อนกลับมาค่อนข้างที่จะเร็วนิดหนึ่ง เนื่องด้วยเป็นการล่องตามน้ำ ซึ่งท่านก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของรีสอร์ท บ้านเรือน วิถีชีวิตริมน้ำของชาวบ้าน ทั้งยังสามารถมองเห็นวัดท่าตอนได้จากระยะไกลอีกด้วย

ซึ่งทริประยะสั้นนี้ จะไปจุดสิ้นสุด ณ บริเวณ “วัดพระธาตุสบฝาง” โดยเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดดอยสบฝาง บนฝั่งแม่น้ำกก ห่างจากท่าตอนไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีตำนานเล่าขานมาเป็นพันปี ตั้งแต่ตำนานสิงหนวัติที่ได้กล่าวไว้ในพุทธศตวรรษที่ 9 ช่วงรัชสมัยของพระองค์พังคราช กษัตริย์องค์ที่ 45 แห่งราชวงศ์สิงหนวัติกันเลยทีเดียว ที่จากตำนานพอจะสรุปสั้นๆได้ว่า วัดพระธาตุสบฝาง เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาแล้วกว่า 1,600 ปี ในสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช ผู้ก่อตั้งเวียงไชยปราการ

สำหรับผู้สนใจอยากจะล่องเรือหรือล่องแพน้ำกก ก็ลองแวะมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ ณ บริเวณท่าเรือเชิงสะพานข้ามน้ำกก บ้านท่าตอน ซึ่งที่นี่จะมีเรือบริการนำเที่ยวเพียบ อยากได้แบบไหน ลักษณะใด คุยกันได้ ชาวท่าตอนยินดีจัดให้

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *