“น้ำหนัง” จากหนังวัวหนังควายสู่เมนูเลิศรส ที่กำลังจะหายไป!!!

“หนังวัว” หรือ “หนังควาย” นั้น หลายต่อหลายท่านอาจมองว่าจะกินได้เหรอ!!! ตอบได้เลยว่ากินได้!!! ซึ่งทั้งคนเมืองและคนอีสานต่างมีวิธีกินหนังวัวหนังควายที่ต่างกันออกไป อย่างคนเมืองเราก็มักจะกินหนังควายจี่หรือไม่ก็น้ำหนัง ส่วนคนอีสานเขามีหนังควายเค็มให้ได้กินกัน

โดยหากพูดถึง “น้ำหนัง” ของคนเมืองเรานี้ ในทุกวันนี้เป็นเมนูที่หากินยากพอควร คนรุ่นใหม่ๆอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำ ซึ่ง “น้ำหนัง” เป็นอาหารที่ได้จากหนังวัวหรือหนังควาย ที่นำมาต้มจนเละและเป็นวุ้น แล้วนำมาทาลงบนใบตองหรือกาบไม้ไผ่ ทิ้งไว้ให้แห้ง และทำให้สุกด้วยการปิ้งไฟ นิยมกินร่วมกับข้าวเหนียว อาหารประเภทน้ำพริก แกง หรือยำต่างๆ

วิธีการทำ “น้ำหนัง” นั้น จะนำหนังวัวหรือหนังควายมาเผาไฟจนไหม้ และนำมาแช่น้ำ จากนั้นขูดเอาส่วนที่ไหม้ออกไป ก่อนที่นำไปต้มจนหนังละลายเป็นน้ำข้น แล้วช้อนและกรองเอามาตากแดดเป็นแผ่นกลมบางๆ โดยก่อนนำมารับประทาน ต้องทาน้ำมันผสมเกลือแกง แล้วปิ้งไฟด้วยความร้อนปานกลาง น้ำหนังจะพองตัว กรอบ มีกลิ่นหอม และรสเค็มเล็กน้อย ซึ่งวิธีการทำน้ำหนังนี้ค่อยข้างที่จะใช้เวลานาน อย่างขั้นตอนการต้มก็ใช้เวลาราวๆ 8 ชั่วโมง และการนำมาผึ่งลมผึ่งแดดให้แห้งก็กินเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไปหรือแล้วปริมาณแสงแดด

การทำน้ำหนัง นับเป็นภูมิปัญญาในการถนอมอาหารของคนเมืองในอดีต ซึ่งคนทำต้องมีทักษะเฉพาะและมีความอดทน เนื่องจากกรรมวิธีในการทำมีหลายขั้นตอน อีกทั้งยังต้องใช้ความประณีตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการละเล็งน้ำหนังให้มีแผ่นบางๆ เพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน โดยปัจจุบันภูมิปัญญาการทำน้ำหนังกำลังจะหายไป เนื่องด้วยหนังวัวหนังควายกลายเป็นวัตถุดิบที่หายาก และที่สำคัญคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักอาหารชนิดนี้ ในขณะเดียวกันคนทำก็ลดน้อยลงไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *