“แอมเนสตี้” ปล่อยแคมเปญ #วัคซีนที่ยุติธรรม เรียกร้องรัฐจัดสรรวัคซีนอย่างโปร่งใส เร่งด่วน และไม่เลือกปฏิบัติ
สืบเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สามในประเทศไทย ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิมนุษยชน ทั้งสิทธิในการมีชีวิต สิทธิในการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ สิทธิการเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เป็นกลาง และมีหลักฐานสนับสนุน “แอมเนสตี้” จึงเรียกร้องทางการไทยต้องดำเนินมาตรการที่ให้บุคคลทุกคนเข้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและเร่งด่วน พร้อมเปิดแคมเปญ #วัคซีนที่ยุติธรรม เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลไทยประกันว่าทุกๆคน จะสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว และต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง รวมถึงการจัดสรรวัคซีนจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส
“ปิยนุช โครตสาร” ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเผยว่า จากภาวะการเเพร่ระบาดที่ยาวนานต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เเล้วกว่า 8,000 คน กลายเป็นข้อท้าทายให้รัฐบาลไทยต้องทบทวนนโยบายเเละมาตรการในการแก้ไขภาวะโรคระบาดดังกล่าว การนำมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนมาเป็นหนึ่งในหลักการที่รัฐต้องปฏิบัติตามจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าในทางกฎหมายหรือมนุษยธรรม สิทธิในการมีชีวิตอยู่ สิทธิในการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขที่ดี มีคุณภาพ เเละสิทธิที่จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากรัฐอย่างทั่วถึง ไม่มีค่าใช้จ่าย เเละครอบคลุมประชากรทุกภาคส่วน จึงเป็นพันธกิจหลักของรัฐที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน โดยการคุกคาม ดำเนินคดี ตลอดทั้งการปิดกั้นมิให้สาธารณชนหรือเเม้กระทั่งบุคลากรทางการเเพทย์เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เเลกเปลี่ยน วิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารจัดการของรัฐ ย่อมขัดต่อหลักการด้านสิทธิมนุษยชนและมิอาจทำให้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพในครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยจึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรับประกันว่า บุคคลทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรทางการเเพทย์ จะสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว แผนการจัดสรรวัคซีนควรดำเนินการอย่างโปร่งใส คำนึงถึงหลักการด้านสุขภาพและความจำเป็นในการป้องกันการควบคุมโรคติดต่อ พร้อมกับรับรองสิทธิในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขโดยถ้วนหน้า การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ สัญชาติ หรือสถานะทางสังคมจากการให้บริการดังกล่าวไม่อาจยอมรับได้เพราะยิ่งส่งผลให้การแพร่ระบาดทวีความรุนเเรงยิ่งขึ้น”
“เราขอเน้นย้ำให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามหลักการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เคารพในการเสรีภาพในการเเสดงออก อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเเละทันสถานการณ์ ยุติการดำเนินคดีหรือคุกคามต่อประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ด้วยเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนสามารถกระทำได้ตามที่รัฐธรรมนูญเเละกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองรับรองเเละคุ้มครองไว้”
ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ #วัคซีนที่ยุติธรรม #AFAIRSHOT โดยได้ปล่อยรถพร้อมจอ LED เพื่อรณรงค์ให้รัฐบาลไทยรับประกันว่าทุกๆ คนจะสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการจัดสรรวัคซีนจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งจะมีการรณรงค์ใน 6 พื้นที่รอบกรุงเทพ ได้แก่ บริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข สวนจตุจักร และหน้าห้างเซนทรัล ลาดพร้าว ซึ่งจะมีการแจกธงขนาดเล็ก และสติกเกอร์รณรงค์ถึงสิทธิในการเข้าถึงวัคซีนที่ยุติธรรมและมีคุณภาพ
นอกจากนั้น ทางแอมเนสตี้ ประเทศไทยยังเชิญชวนร่วมโพสต์ภาพข้อความรณรงค์ หรือโปสเตอร์ของแอมเนสตี้ ลงบนช่องทางโซเชียลมีเดีย พร้อมติดแฮชแท็ก #วัคซีนที่ยุติธรรม #AFAIRSHOT เพื่อส่งต่อความตระหนักรู้ให้กับผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียตลอดทั้งวัน และส่งเสียงไปถึงรัฐบาลให้เร่งดำเนินการรับมือกับโรคโควิด-19 โดยจะต้องไม่มีใครที่ถูกลืมหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง