มาเชียงราย เที่ยว “วัดร่องเสือเต้น” พุทธศิลป์ที่สะท้อนถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าขจรขจายไปทั่วโลก
เป้าหมายของการมาเที่ยว “เชียงราย” ของหลายๆคนนั้นแตกต่างกันออกไป บ้างก็ตั้งใจมาเที่ยวสิงห์ปาร์ค หรือมาดูวัดร่องขุ่น หรือตั้งหน้าตั้งตาขึ้นเหนือสุดแดนสยาม ไปเที่ยวแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก กันโน่น แต่สำหรับนักท่องเที่ยว “สายวัด” แล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ต้องมาเที่ยวชมความวิจิตรอลังการของงาน “พุทธศิลป์” ใน “วัดร่องเสือเต้น” หรือที่ฝรั่งรู้จักกันในนาม “Blub Temple” หรือ “วัดสีน้ำเงิน” นั่นเอง
“วัดร่องเสือเต้น” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดร้าง เมื่อ 80-100 ปีก่อน ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าว่า ในสมัยนั้นยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนอาศัยอยู่มากนัก สัตว์ป่าจึงมีจำนวนมากในบริเวณนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสือ ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้มักชอบเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้ำไปมาไปมา จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆกันมาว่า “ร่องเสือเต้น” รวมทั้งได้เรียกหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณนี้ว่า “บ้านร่องเสือเต้น”
“วัดร่องเสือเต้น” ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากชาวบ้านร่องเสือเต้น ที่ไม่มีที่ทำบุญในหมู่บ้าน เวลาทำบุญในวันสำคัญต้องไปทำบุญที่วัดอื่น ทำให้คนในหมู่บ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ จึงสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดร่องเสือเต้น”
ความโดดเด่นของวัดร่องเสือเต้นนี้ คือ ความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วิหาร” ที่สร้างและออกแบบโดยศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย “นายพุทธา กาบแก้ว” หรือที่คนรู้จักในนาม “สล่านก” ที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ในการสร้างวัดร่องขุ่น วิหารหลังนี้ใช้โทนสี “สีน้ำเงินฟ้า”ตัดกับสีทอง เพื่อสร้างความโดดเด่น โดยสีน้ำเงินฟ้าของตัววิหาร แสดงถึงธรรมะขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่ขจรขจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงตามหลักเหตุและผล เปรียบเสมือนดังท้องฟ้าที่สดใส
ภายในวิหารมีผลงานจิตรกรรมภาพวาดฝาพนังที่เกี่ยวกับพระพุทธประวัติ โดยมีลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม มีพระประธานสีขาว สูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร ชื่อ “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” นามพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่มีหมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก” พร้อมกันนี้ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ ยังมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ รวมทั้งบริเวณพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
นอกจากนั้นด้านหลังวิหารมีพระพุทธรูปสีขาว ปางห้ามญาติ องค์ใหญ่ ประดิษฐานตรงด้านหลัง ถัดไปคือ “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” มีความสูง 20 เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุ ได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก
พร้อมกันนี้ในส่วนของ “พญานาค” ด้านหน้าวิหาร “สล่านก” ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี ที่เน้นลักษณะโครงสร้างที่เข้มแข็ง เขี้ยวเล็บแหลมคมดูน่าเกรงขาม แต่มีความอ่อนช้อยในแบบล้านนา
หากกล่าวไปแล้ว “วัดร่องเสือเต้น” แห่งนี้ ถือเป็นวัดที่สวยและโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่สะท้อนเรื่องราวของพุทธศาสนาออกมาในรูปแบบ “พุทธศิลป์” เป็นตัวดึงดูดให้ผู้คนเข้าวัด มาเที่ยวชมวัด และมีความใกล้ชิดกับพุทธศาสนากันมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือได้ว่า “สล่านก” ได้รับแรงบันดาลใจทางศิลปะจากอาจารย์ถวัลย์และอาจารย์เฉลิมชัย จนก่อเกิดให้เป็นวัดที่สวยงามเช่นนี้