สถานการณ์โรคฝีดาษลิง และการเตรียมความพร้อมของจังหวัดเชียงใหม่
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713338-1024x576.jpg)
การระบาดของโรคฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานร (Monkeypox) เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 โดยองค์การอนามัยโลกได้รับรายงานจากสหราชอาณาจักร ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย ก่อนจะมีการรายงานพบผู้ติดเชื้อไปอีกหลายประเทศ โดยในขณะนี้ ทั่วโลกมีการรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิงแล้ว 32 ประเทศ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่โรคประจําถิ่นของโรคนี้
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713394-1024x683.jpg)
“นายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม” ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงโรคฝีดาษลิงว่า สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส monkeypox เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่พบการระบาดในป่าดิบแอฟริกากลางและตะวันตก พบได้ในสัตว์ฟันแทะและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก อาการคล้ายไข้ทรพิษหรือฝีดาษในคน (smallpox) ซึ่งได้มีการกวาดล้างไปแล้วในปี 2523 อาการที่พบได้บ่อย คือ ไข้ ฝืน ตุ่มน้ำ ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งส่วนใหญ่หายได้เอง โดยจะมีอาการระหว่าง 2-4 สัปดาห์ การแพร่เชื้อและความรุนแรงของ monkeypox จะน้อยกว่า smallpox โดยระยะฟักตัวเฉลี่ย 6-13 วัน (นานสุด 21 วัน) อัตราป่วยตายอยู่ประมาณ 3-6% ติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ สัตว์ป่วย หรือสัมผัสวัตถุที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ติดต่อผ่านการสัมผัสบาดแผล สารคัดหลั่ง น้ำมูก ยาที่ใช้รักษา smallpox ได้รับการรับรองให้ใช้รักษา monkeypox ได้ (tecovirimat) ส่วนวัคซีนที่ใช้ป้องกัน smallpox สามารถป้องกัน monkeypox ได้โดยมีประสิทธิภาพประมาณ 85%
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713368-1024x576.jpg)
การระบาดของโรคฝีดาษลิงในครั้งนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 โดยองค์การอนามัยโลกได้รับรายงานจากสหราชอาณาจักร ว่าพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย และจากการติดตามผู้สัมผัสในสถานพยาบาล ในชุมชนและในเที่ยวบิน เป็นเวลา 21 วัน ก็ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ต่อมาในวันที่ 13 พ.ค. 65 ก็พบผู้ป่วยยืนยันในสหราชอาณาจักรเพิ่ม 2 ราย และเข้าข่าย 1 ราย เป็นครอบครัวเดียวกัน และไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า และวันที่ 15 พ.ค. 65 ได้รับรายงานผู้ป่วยเพิ่มอีก 4 ราย ทั้งหมดเป็นกลุ่ม GBMSM (Gay, Bisexual, Men who have sex with men) ไม่มีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า ก่อนจะมีการรายงานพบผู้ติดเชื้อไปอีกหลายประเทศ โดยในขณะนี้ ทั่วโลกมีการรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิงใน 32 ประเทศ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่โรคประจําถิ่นของโรคนี้ โดยมีรายงานยอดผู้ป่วยยืนยัน 406 ราย และผู้ต้องสงสัยเข้าข่าย 88 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลําดับแรก ได้แก่ สเปน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติเชื่อมโยง adult sauna ซึ่งได้มีการสั่งปิดไปแล้ว ผู้ป่วยบางคนมีประวัติเชื่อมโยงกับ 10-day Pride festival ใน Gran Canaria เมือง Canary Islands ซึ่งเป็นมีคน 80,000 คนเข้าร่วม โดยจัดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รองลงมาได้แก่ สหราชอาณาจักร โปรตุเกส แคนาดา และเยอรมัน
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713376-1024x576.jpg)
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713358-1024x576.jpg)
สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึง สถานการณ์โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) พบ ผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย มีประวัติเดินทางมาเปลี่ยนเครื่องในสนามบินในไทย 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางต่อไปประเทศออสเตรเลีย ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยง 12 ราย เป็นผู้โดยสารและลูกเรือในสายการบิน ซึ่งอยู่ในระหว่างการติดตามอาการ เบื้องต้นทั้ง 12 ราย ยังไม่มีอาการ ส่วนผู้ป่วยเข้าข่ายอาการ 5 ราย ที่ได้รับรายงานมาก่อนหน้านี้ เป็นนักท่องเที่ยวชาวไอซ์แลนด์ 3 ราย เป็นพี่น้องกัน เดินทางเข้าไทย เพื่อมาเรียนมวยไทยที่จังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นพบว่าทั้ง 3 คน มีอาการเข้าข่ายเป็นโรคฝีดาษลิง คือ มีตุ่มนูนใสตามลำตัว แต่เมื่อนำไปตรวจด้วยวิธี RT-PCR จาก 2 ห้องปฏิบัติการ คือ กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิกโรงพยาบาลจุฬาฯ พบผลยืนยันว่า ทั้ง 3 คนเป็นเพียงโรคเริมเท่านั้น
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ผู้ป่วยสงสัย คือ อาการมีไข้ เจ็บคอ มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตุ่มนูน บริเวณแขนขา และใบหน้า และมีประวัติเชื่อมโยงกับระบาดวิทยา ภายในระยะเวลา 21 วัน เช่น เดินทางมาจากพื้นที่ที่พบการระบาด หรือกิจกรรมที่มีการรายงานผู้ป่วยฝีดาษลิง และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ป่า หรือนำเข้าจากแอฟฟริกา ส่วนผู้ที่เข้าข่ายสงสัย ต้องมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด คือ สัมผัสโดยตรงกับผิวหนังผู้ป่วย หรือสัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อนสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้าผู้ป่วย ผู้สัมผัสร่วมบ้าน เช่น อาศัยอยู่ในห้องเดียวกับผู้ป่วย หรือใช้ห้องน้ำหรืออุปกรณ์ในห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วย ผู้สัมผัสที่อยู่ภายในห้องหรืออยู่ใกล้ผู้ป่วยฝีดาษลิง ภายในระยะ 2 เมตร โดยหากพบผู้ป่วยในประเทศไทยจะต้องได้รับการยืนยันจากผลห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งเข้าสู่ระบบการรักษาตามอาการ และแยกกักตัวจนพ้นระยะแพร่เชื้อหรือยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นโรคดังกล่าว
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713331-1024x576.jpg)
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ แม้ยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง แต่ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อเฝ้าระวังในสถานพยาบาลทั้งเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา และแม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศที่พบผู้ติดเชื้อ มีเพียงเที่ยวบินเปลี่ยนเครื่อง เช่น บินจากยุโรปมาเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ ก่อนจะเดินทางต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการเฝ้าระวัง ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีการตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิ อาการ ประวัติเสี่ยง พร้อมทั้งแจกบัตรคำแนะนำ (Health Beware Card) ให้ผู้เดินทางเฝ้าระวังอาการในขณะที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และหากมีอาการผิดปกติให้รายงาน และเข้ารับการตรวจที่ รพ.ทุกแห่ง พร้อมทั้งแสดงบัตร หรือแจ้งข้อมูลแก่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อตรวจประเมิน และรายงานต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเมื่อสงสัย เพื่อเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อไวรัสต่อไป
![](https://chiangmaipress.com/wp-content/uploads/2022/05/1653976713347-1024x576.jpg)