จาก “ดอย” ลอยมา “เล”…ตอน “กินเพลินเดินเก๋ เท่อย่างใต้ : ภูเก็ต”
ประสบการณ์นั้นหาได้ไม่ยาก เพียงแค่เปิดประตูและเปิดใจ ก้าวออกจากบ้าน คุณก็จะพบกับประสบการณ์อันล้ำค่าแล้ว และวันนี้ “คนดอย” อย่างผมได้โอกาสมาลง “ทะเล” อีกครั้ง จึงขอพาคุณๆมาเปิดประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว และการกินในแบบฉบับ “กินเพลิดเดินเก๋ เท่อย่างใต้” กับ 3 จังหวัด ภูเก็ต ระนอง และพังงา
ก้าวแรกของประสบการณ์ “ลงเล” ครั้งนี้ ขอเริ่มต้นที่ “ไข่มุกอันดามัน”…ภูเก็ต…เมืองในฝันของนักท่องเที่ยวหลายต่อหลายท่าน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
“ภูเก็ต” เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ คำว่า ภูเก็ต นั้น คาดว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า บูกิต (ในภาษามลายูแปลว่าภูเขา) และคำว่า “ภูเขา” ในภาษาอุรักลาโว้ย เรียกว่า “บูเก๊ะ”
บนพื้นที่อันกว้างขวางของภูเก็ต มีเรื่องเด็ดๆให้สัมผัสมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยว และของกิน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งการมาเยือนภูเก็ตครั้งนี้ แม้จะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็ได้เที่ยวและได้กินไม่น้อย เอาเป็นว่าเรามาเริ่มต้นด้วยการเปิดประสบการณ์กับสถานที่ท่องเที่ยวกันก่อนดีกว่า
เริ่มที่ “จุดชมวิวเขารัง” ที่เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ด้านบนของเขารังเป็นจุดชมวิวเมืองภูเก็ต สามารถมองเห็นบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง และสามารถมองไปได้ไกลถึงทะเลและเกาะเล็กๆใกล้ภูเก็ต ที่นี่ทางเทศบาลเมืองภูเก็ตได้จัดทำสวนสุขภาพ สวนสาธารณะไว้เพื่อเป็นที่ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้กับชาวภูเก็ต มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการมาพักผ่อน และนอกจากนี้บนเขารังยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎาณุประดิษฐ์ อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ตั้งอยู่ด้วย
ต่อมากับ “ย่านเมืองเก่าภูเก็ต” หนึ่งในย่านที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนภูเก็ต โดยในย่านนี้สวยงามด้วยตึกเก่าแบบ “ชิโน-โปรตุกีส” ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2446 เนื่องจากการทำเหมืองแร่ที่เติบโต ทำให้ชาวจีนและชาวตะวันตก ต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสนั้น เป็นอาคารที่ผสมผสานความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออก เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น
จากนั้นก็มาลงเล กับ “หาดในหาน” ที่เป็นหาดที่มีความสวยงาม เม็ดทรายสีขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าคราม หาดทรายมีความยาวประมาณ 700 เมตร เนื่องจากหาดในหานเป็นหาดที่ไม่ได้มีถนนตัดผ่าน หากใครจะมาเที่ยวที่หาดนี้จะต้องตั้งใจมาโดยตรง จึงทำให้หาดแห่งนี้เป็นหาดที่ไม่วุ่นวาย และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติสำหรับนอนอาบแดดเป็นอย่างมาก
และสุดท้ายกับ “แหลมพรหมเทพ” จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่งของภูเก็ต อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ บริเวณแหลมพรหมเทพมีขอบปูนให้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าใครอยากเดินสำรวจแหลมพรหมเทพ ก็สามารถเดินไปได้ถึงปลายแหลม จะมีทางเดินลงไปที่ด้านล่าง เมื่อลงไปที่ด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหินจะเป็นฟองสีขาวดูสวยงาม นอกจากแหลมพรหมเทพจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแล้ว ยังเป็นจุดที่ใช้อ้างอิงเวลาพระอาทิตย์ตกดินของประเทศไทยอีกด้วย
เมื่อมีเที่ยวชม ก็ต้องมี “เที่ยวชิม” โดยของกินอร่อยในเมืองภูเก็ตนั้นมีเพียบ สามารถอร่อยได้ตั้งแต่มื้อเช้า เรื่อยไปจนถึงมื้อดึก สำหรับมื้อเช้านั้นจะขอพาคุณๆมาเปิดประสบการณ์การกินกับ “ติ่มซำ” โดย ติ่มซำ ของที่นี่ขอแนะนำกับร้าน “จ่วนเฮี้ยง” และร้าน “บุญรัตน์ติ่มซำโกล”
“ร้านจ่วนเฮี้ยง” เป็นร้านติ่มซำเก่าแก่ ที่เปิดขายมาร่วม 100 ปี ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว หากไม่เจ๋งไม่เก๋าจริง คงไม่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ ที่นี่ในช่วงเช้าจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ถึงขั้นต้องเข้าคิวกันเลยทีเดียว สูตรติ่มซำของทางร้านเป็นสูตรจีนกวางตุ้ง ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เมนูของทางร้านจะเน้นเนื้อหมูเป็นหลัก ทานคู่กับน้ำจิ้มพริกแห้งมะขามเปียกสูตรเฉพาะของทางร้าน
“ร้านบุญรัตน์ติ่มซำโกล” ที่วันนี้พามากินกับสาขา 3 ร้านติ่มซำแห่งนี้ เปิดขายความอร่อยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2460 เป็นสูตรติ่มซำต้นตำรับจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผ่านการพัฒนาปรุงแต่งรสชาติจนได้สูตรลับเฉพาะที่ทุกคนชื่นชอบในความอร่อย ที่สืบทอดมากว่าร้อยปี ที่นี่ใส่ใจในวัตถุดิบที่สด สะอาด พิถีพิถัน คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ทำให้ได้เมนูเด็ดออกมามากมาย อาทิ ขนมจีบหมู/กุ้ง/ปู ก๋วยเตี๋ยวหลอด ไส้กรอกห่อหมู เกี้ยนหมู โจ๊กหมู และอื่นๆอีกหลายสิบเมนู
จากมื้อเช้าก็มากินมื้อเที่ยง มีร้านเด็ดมานำเสนอกับ “โลบะบางเหนียว” และ “บะหมี่ต้นโพธิ์”
“โลบะบางเหนียว” เป็นร้านเก่าแก่ 40 ปี โลบะของทางร้านจะเป็นสูตรดั้งเดิม ประกอบไปด้วย เกี้ยน ที่ทำจากเนื้อหมูสับผสมกับเผือกแล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้ จะคล้ายๆกับหอยจ้อ รสชาติกรอบนอกนุ่มใน ต่อมาก็จะเป็นลิ้นหมูที่นุ่มไม่เหนียว ไส้หมูที่ทอดจนกรอบและไม่มีรสชาติขมติดมา หูหมูที่ได้รสชาติแบบกรุบๆของกระดูกอ่อน และยังมีปอดหมู,หัวใจ,หมู,ไส้หมู,หัวหมู, หมูเนื้อแดง
ในส่วนของเครื่องในหมูทั้งหมดนี้มีรสชาติที่กลมกล่อม ส่งกลิ่นหอมของเครื่องเทศพะโล้ โดยทางร้านจะใช้หมูสดใหม่มาปรุงให้ทานทุกวัน นอกจากเมนูหมูแล้ว ก็ยังมี แฮจี้ ที่ทำมาจากแป้งผสมถั่วงอก โรยหน้าด้วยกุ้งแล้วนำไปทอด และ เต้ากั้วขาว หรือ เต้าหู้ทอด อีกด้วย
“ร้านหมี่ต้นโพธิ์” ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 คือ “คุณเอ๋-อนุชา หลิมชูตระกูล” ที่ได้ประยุกต์ร้านหมี่ต้นโพธิ์ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบการตกแต่งร้านในสไตล์จีน-โมเดิร์น และเพิ่มเมนูอาหารให้หลากหลายขึ้น แต่บะหมี่ยังคงอร่อยไม่เปลี่ยน
จากมื้อกลางวัน ก็มาตบท้ายกันด้วยมื้อเย็น ขอนำเสนอกับ “ร้านโกอ่างซีฟู้ด” อาหารทะเลสดๆ รสชาติอร่อย เน้นคุณภาพ ที่ปรุงใหม่ๆทุกเมนู ด้วยรสชาติดั้งเดิมแบบอาหารใต้ กับแกงส้มที่นี่อร่อยเข้มข้น หมูผัดกะปิใส่สะตอรสเด็ด ผักเหมียงผัดไข่ ปลาทรายทอดขมิ้น และน้ำพริกกุ้งเสียบเสิร์ฟพร้อมผักสด เป็นอาหารทีเด็ดของร้าน
และอีกร้านกับร้านข้าวต้มง่ายๆ นามร้าน “โกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้งภูเก็ต” มาร้านนี้ต้องสั่ง “ข้าวต้มแห้ง” ที่ใช้ข้าวสารอย่างดี อัดแน่นด้วยเครื่องที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นหมูสับ หมูกรอบ เครื่องใน พร้อมด้วยน้ำซุปแยกเสิร์ฟร้อน ทั้งนี้ยังมีซุปกระดูกมาให้ลิ้มรสเคียงกับข้าวต้มอีกด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์…การเที่ยว การกิน…ของภูเก็ตเท่านั้น ภูเก็ตยังมีอะไรอีกมากมายที่รอให้คุณๆมาสัมผัส แล้วจะรอช้าอยู่ใย ชวนเพื่อนๆ และครอบครัวมา “กินเพลินเดินเก๋ เท่อย่างใต้” กับภูเก็ตกันได้แล้ว…!!!