คิดจะเที่ยว คิดถึง…”พะเยา”
“พะเยา” เป็นจังหวัดหนึ่งที่เก่าแก่ของไทย ตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดย พญาจอมธรรม กษัตริย์องค์แรก ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมือง ผู้ซึ่งกระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งเชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย
ปัจจุบัน พะเยา เป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวไม่น้อย ด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลายรูปแบบ โดย “นายวิสูตร บัวชุม” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ที่รับผิดชอบด้านการตลาดการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายและพะเยา กล่าวว่า “ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดพะเยาค่อนข้างมาก โดยเป็นไปในรูปแบบการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเชียงราย-พะเยา ซึ่งจุดขายด้านการท่องเที่ยวของพะเยานั้น อันดับแรกๆจะเป็นในเรื่องของวัฒนธรรมไทลื้อที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยมีอำเภอเชียงคำและอำเภอเชียงม่วน เป็นอำเภอที่มีไทลื้อมากที่สุด ทั้งนี้พะเยายังมีธรรมชาติที่สวยงาม มีหลายจุดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ภูลังกา หรือดอยหนอก ดอยที่มีความสูงเป็นที่ท้าทายของนักท่องเที่ยวแนวพจญภัยทั้งหลาย นอกจากนี้ที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาพะเยา ก็ต้องมา กว๊านพะเยา แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องหลากหลาย อาทิ วัดติโลกอาราม วัดกลางกว๊านที่มีประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำในวันพระสำคัญหนึ่งเดียวในโลก พร้อมทั้งรอบกว๊านพะเยายังมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีกิจกรรมตักบาตรยามเช้าให้สัมผัส และรอบกว๊านยังมีแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน กับหมู่บ้านบัว หมู่บ้านท่องเที่ยยวที่มีวิถีชีวิตเกี่ยวเนื่องกับกว๊านให้ได้สัมผัสกัน”
พร้อมกันนี้ นายณรงค์ชัย สุทธิกุลบุตร ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดพะเยาเป็นเมืองด้านเกษตรกรรม เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ เศรษฐกิจของพะเยาอยู่ได้ด้วยการขับเคลื่อนภายในจังหวัด โดยทุกวันนี้หากเพิ่มเรื่องราวในส่วนของการท่องเที่ยวเข้ามาก็ถือเป็นกำไรของจังหวัด ที่เศรษฐกิจของพะเยาจะได้เติบโตขึ้น”
“กว๊านพะเยา” มีลักษณะเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่รูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นบึงน้ำกว้างใหญ่สุดสายตา โอบล้อมด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม เมื่อหลายร้อยปีพื้นที่บริเวณกว๊านพะเยาเป็นชุมชนที่มีวัดวาอารามอยู่มากมาย ต่อมาเมื่อกรมประมงสร้างประตูกั้นน้ำในกว๊านพะเยาเพื่อกักเก็บน้ำ จึงทำให้บริเวณกว๊านพะเยาที่แต่เดิมเป็นชุมชนโบราณและวัดหลายแห่งต้องจมอยู่ในกว๊านพะเยา
ทุกวันนี้ กว๊านพะเยา เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ทั้งคนพะเยาเองและนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมิขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศโดยรอบกว๊านทั้งในยามเช้าและยามเย็นที่น่าภิรมย์ยิ่งนัก ผู้คนต่างพากันมาพักผ่อนหย่อนใจรอบกว๊าน บ้างนั่งเล่นเดินเล่นกินรมชมวิว บ้างก็ออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือบ้างในยามเช้าริมกว๊านก็มีกิจกรรมใส่บาตรข้าวเหนียวให้พุทธศาสนิกชนได้ใส่บาตรทำบุญกัน
และอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวของกว๊านพะเยาที่ไม่ควรพลาดได้แก่ การนั่งเรือเที่ยว “วัดติโลกอาราม” วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่กลางกว๊านพะเยา มีอายุราว 500 กว่าปี เป็นพระอารามหลวงในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์มังราย สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2019 – 2029 ปัจจุบันตัววัดจมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ยกเว้นส่วนยอดพระธาตุที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เนื่องจากปี พ.ศ. 2482 กรมประมงได้ก่อสร้างประตูกั้นน้ำ ทำให้น้ำแม่อิงและลำน้ำสาขาซึ่งไหลลงมาจากทิวเขาผีปันน้ำ เกิดการเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่บริเวณหนองเอี้ยงจนเกิดทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ขึ้นมา
ยอดพระธาตุเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐดินเผา ที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาของวัดติโลกอารามนี้ ชาวบ้านที่ทำการประมงในกว๊านพะเยาเรียกว่า สันธาตุกลางน้ำ โดยในปี พ.ศ. 2549 ได้มีการล่องเรือสำรวจกว๊านพะเยา คณะสำรวจซึ่งนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ตัวแทนจากหอจดหมายเหตุ หอการค้าจังหวัดพะเยา ได้ล่องเรือผ่านบริเวณสันธาตุกลางน้ำและเกิดความสนใจ เนื่องจากเป็นศาสนสถานเก่าแก่ที่มีมาก่อนกว๊านพะเยา ต่อมาปี พ.ศ. 2550 คณะสำรวจพร้อมด้วยประธานฝ่ายสงฆ์คือพระธรรมวิมลโมลี ได้ลงเรือสำรวจพื้นที่อีกครั้ง เพื่อหาแนวทางการพัฒนาสันธาตุกลางน้ำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด และได้มีการบูรณะสิ่งปลูกสร้างให้มีความแข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักของผู้คนที่ขึ้นไปนมัสการพระธาตุ ระหว่างการบูรณะ คณะทำงาน ค้นพบแผ่นหินทราย จารึกด้วยอักษรฝักขาม เป็นข้อความที่จารึก ระบุประวัติของวัดไว้อย่างชัดเจน โดยข้อความบนแผ่นหินทรายระบุว่า “วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2019 – 2029 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าติโลกราช เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักร” ปัจจุบันจารึกหินทรายวัดติโลกอาราม ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
นอกจากพบจารึกหินทรายแล้ว ในปี พ.ศ. 2526 ยังได้ค้นพบพระพุทธรูปศิลาใต้กว๊านพะเยา เป็นพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างพะเยา หน้าตักกว้าง 105 เซนติเมตร ชาวบ้านได้อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำ และได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำ จนปี พ.ศ. 2550 ได้มีการบูรณะสันธาตุบวกสี่แจ่ง มีการตั้งฐานบุษบกด้วยอิฐดินเผา จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปหินทรายจากวัดศรีอุโมงค์คำมาประดิษฐานไว้บนฐานบุษบกวัดติโลกอารามแห่งนี้
สำหรับวัดติโลกอารามนี้จะมีประเพณีที่สำคัญอยู่หนึ่งประเพณีได้แก่ ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในโลก ผู้ที่เข้ามาเวียนเทียนจะนั่งเรือแจวเวียนเทียนรอบสันธาตุกลางน้ำ โดยในแต่ละปีจะมีการเวียนเทียนทั้งหมด 3 ครั้ง คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ซึ่งในปีนี้มีกำหนดจัดขึ้นในวันมาฆบูชา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 วันวิสาขบูชา วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 และวันอาสาฬหบูชา วันที่ 13 กรกฎาคม 2565
นี่เป็นเพียงส่วนเล็กส่วนน้อยในการท่องเที่ยวพะเยาเท่านั้น พะเยายังมีของดีด้านการท่องเที่ยวรอให้ทุกท่านมาสัมผัสอีกมาก จะมัวรอช้าอยู่ทำไม เมื่อคิดจะเที่ยว คิดถึง…พะเยา…ออกมาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวพะเยากันครับ
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 053-717433 , 053-744674-5 หรือที่ FB : ททท.สำนักงานเชียงราย-พะเยา