หนีร้อนมาเพิ่งลมเย็นๆ ที่ “บ้านกิ่วลม”
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เป็นธรรมดาที่ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลใดก็ต้องเจอแต่ความร้อน แต่ใช่ว่าจะร้อนไปเสียหมด ที่เย็นๆก็มีให้สัมผัส อย่างวันนี้จะพามารับลมเย็นๆ ท่ามกลางฤดูร้อนกัน ณ “บ้านกิ่วลม”
บ้านกิ่วลม ตั้งอยู่ในเขตของเทศบาลตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 โดยแยกตัวออกมาจากหมู่บ้านพะแวน และบ้านบ่อสะแง๋ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลั๊วะ ที่เชื่อว่าอพยพมาจากอำเภอสันป่าตอง และบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ได้ชื่อว่า “บ้านกิ่วลม” นั้น ก็เพราะลักษณะภูมิประเทศของหมู่บ้าน ที่เหมือนช่องแคบที่มีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา และสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้จะอยู่ในห้วงเวลาของฤดูร้อนเช่นนี้ก็ตาม
ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้านกิ่วลม จะประกอบอาชีพ “เกษตรกร” ส่วนอาชีพรองลงมาก็คือ อาชีพรับจ้างทั่วไป โดยในปัจจุบันบ้านกิ่วลมมีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 118 ครัวเรือน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และยึดถือประเพณีของชาวลั๊วะที่มีมาแต่โบราณอย่างเหนียวแน่น ทั้งมีพ่อขุนหลวงวิลังคะ บรรพบุรุษกษัตริย์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวและเคารพศรัทธา
นอกจากจุดเด่นของบ้านกิ่วลมที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้ได้เที่ยวกัน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อาทิ วัดกิ่วลม , วัดพระธาตุดอยเหลี้ยม , อนุสาวรีย์ขุนหลวงวิลังคะ , ป่าดงก๋ำ (เลี้ยงผีปู่ – ย่า) , ประเพณีงานตีข้าวหรือนวดข้าวแบบโบราณ , ประเพณีสลากภัตต์ , ประเพณีสรงน้ำพระธาตุ และประเพณีวันกตัญญูปี๋ใหม่เมือง เป็นต้น ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็ได้แก่ สวนสนบ่อแก้ว-ห้วยบง , สวนพลับ , สวนอโวคาโด้ , สวนมะเขือเทศ , ศูนย์วิจัยห้วยบง , จุดชมวิววัดพระธาตุดอยเหลี้ยม , หมู่บ้านกะเหรี่ยง (ปางควาย) , นาขั้นบันไดนายสุพจน์ , สวนสนวัดกิ่วลม และสวนผักอินทรีย์
โดยแต่ละที่แต่ละแห่งก็น่าเที่ยวไม่แพ้ที่ไหนๆ…!!!
“วัดกิ่วลม” เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวไทยภูเขาเผ่าลัวะ มีเนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร ณ ยอดดอยตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายปั๋น จันต๊ะอินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน และนายดำ คำมูล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยคณะศรัทธาสาธุชนจำนวน 17 หลังคาเรือน ร่วมกันบุกเบิก เมื่อปี พ.ศ. 2519 แต่เดิมมีเจ้าอาวาสปกครองติดต่อกันมา 8 รูป หลังจากนั้นวัดก็ได้กลายเป็นวัดร้าง ต่อมามี พระอธิการสุธรรม สิริสุโข จากจังหวัดสงขลาได้เข้ามาบุกเบิก ด้วยมโนปณิธานที่แน่วแน่และศรัทธาที่กล้าแกร่ง ที่จะอุทิศชีวิตเพื่องานพระพุทธศาสนา เริ่มต้นด้วยการชักชวนชาวบ้านมานั่งสมาธิ 5 คน และร่วมกันพัฒนาวัดควบคู่กันไป หลังจากนั้นไม่นาน ประชาชนต่างก็หลั่งไหลมาเพื่อปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันวัดกิ่วลมจากที่เคยเป็นวัดร้าง ก็กลับกลายมาเป็นวัดรุ่ง สำหรับกิจกรรมปฏิบัติธรรมของวัดกิ่วลมนั้น จะจัดขึ้นทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี อย่างต่อเนื่อง โดยจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา
“วัดพระธาตุดอยเหลี้ยม” (นาฟ่อน) มีผู้รู้เล่าว่า ณ ที่แห่งนี้ชาวบ้านขนานนามว่า ดอยหมอเวียง ประมาณปี พ.ศ. 2500 มีชาวบ้านมาถากถางเพื่อจะทำไร่ปลูกข้าว แต่อยู่ได้ไม่นานชาวบ้านคนนั้นก็สติฟั้นเฟือน และฝันเห็นว่ามีสิ่งต่างๆ เช่น ช้างโขลงหนึ่งมาสถิตอยู่ที่นี่ ต่อมาก็มีผู้นำในหมู่บ้านสมัยนั้น คืออดีตกำนันบุญมา หนูสา และชาวบ้านได้นิมนต์ท่านพระคุณเจ้า พระครูพิพัฒนคณาภิบาล (อาจารย์ทอง สิริมังคโล) เจ้าคณะอำเภอฮอด ในขณะนั้นเป็นพระธรรมฑูต เดินทางมาดูและอธิษฐานเพื่อจะสร้างเจดีย์ ท่านก็ได้อธิษฐานจิตและบอกคณะศรัทธาว่าสร้างได้ ต่อมาอาจารย์ทองเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาและแสวงบุญยังประเทศศรีลังกา และได้พบกับครูบามานพ และได้สนทนากันและได้ขอให้ครูบามานพอธิษฐานจิต ครูบามานพตอบว่าสร้างได้ ต่อมาพระอาจารย์ทองบอกชาวบ้านไปนิมนต์ครูบามานพ ที่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ มาสร้าง ครูบามานพรับนิมนต์ และได้เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2523 โดยมีชาวลั๊วะและยาง พร้อมคณะศรัทธาต่างๆมาช่วยกันจนสำเร็จ สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านนาฟ่อนเป็นอย่างมาก จึงเรียกชื่อวัดว่า ดอยเหลี้ยม
“อนุสาวรีย์ขุนหลวงวิลังคะ” ตั้งอยู่หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบ่อหลวง เป็นอนุสาวรีย์ที่เทศบาลตำบลบ่อหลวงจัดสร้างขึ้น เพื่อแสดงความเคารพและระลึกถึงขุนหลวงวิลังคะ กษัตริย์องค์ที่ 13 ในราชวงศ์กุนาระ ผู้ปกครองระมิงค์นคร หรือทัมมิลลวะ ซึ่งเปรียบเป็นบรรพบุรุษของพี่น้องชนเผ่าลั๊วะที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
จากสถานที่ท่องเที่ยวข้างต้นแล้ว หมู่บ้านกิ่วลม ยังสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี กับปฏิทินท่องเที่ยวดังนี้ เดือนมกราคม สัมผัสอากาศหนาว ดูหมอกตอนเช้าที่สวนสนบ่อแก้ว – ห้วยบง , เดือนกุมภาพันธ์ สัมผัสชีวิตเกษตรกร ปลูกผัก ปลูกพริก ปลูกมะเขือเทศ , เดือนมีนาคม ชิมแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง และแกงดอกเสี้ยว , เดือนเมษายน เที่ยวทำบุญดูประเพณีปี๋ใหม่เมืองลั๊วะ , เดือนพฤษภาคม เตรียมหว่านกล้วข้าว หาเห็ด(หอม) และประเพณีเลี้ยงผีปู่-ย่าดงก่ำ , เดือนมิถุนายน ไถนาปลูกข้าวแบบดั้งเดิม , เดือนกรกฎาคม เข้าพรรษา ชมสวนลูกพลับ สวนอโวคาโด้ ,
เดือนสิงหาคม ชมนาขั้นบันได ช่วงต้นข้าวเขียวขจี , เดือนกันยายน งานบุญตานก๋วยสลากภัตต์ ดูรวงข้าวสีทอง , เดือนตุลาคม ทำบุญออกพรรษา เกี่ยวข้าว ตีข้าว หวีข้าว ชิมแกงข้าวเบื่อ และน้ำพริกมะเขือแบบล้อมวง , เดือนพฤศจิกายน ประเพณียี่เป็ง เกี่ยวข้าว ตีข้าว หวีข้าว อาบน้ำควาย และเดือนธันวาคม สัมผัสอากาศหนาว ชมแปลงผักอินทรีย์ สวนเสาวรสหวาน ดูวิถีชีวิตปางควายและบ้านลั๊วะ
สนใจลองมาเที่ยวกันได้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-081663 หรือ093-1374778